Monday, December 17, 2018

ภาษาไทย


คำนาม


ความหมายของคำนาม
คำนามหมายถึง  คำที่ใช้เรียกชื่อ  คน  สัตว์  พืช  สิ่งของ  สถานที่  สภาพ  อาการ  ลักษณะ  ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิต  หรือสิ่งไม่มีชีวิต  ทั้งที่เป็นรูปธรรม  และนามธรรม  เช่นคำว่า  คน   ปลา  ตะกร้า   ไก่  ประเทศไทย  จังหวัดพิจิตร  การออกกำลังกาย  การศึกษา  ความดี  ความงาม  กอไผ่  กรรมกร  ฝูง  ตัว  เป็นต้น
 ชนิดของคำนาม
คำนามแบ่งออกเป็น  ๕  ชนิด  ดังนี้
๑ ๑.  สามานยนาม หรือเรียกว่า  คำนามทั่วไป  คือ  คำนามที่เป็นชื่อทั่วๆ ไป  เป็นคำเรียกสิ่งต่างๆ โดยทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจง  เช่น  ปลา  ผีเสื้อ  คน   สุนัข   วัด   ต้นไม้   บ้าน   หนังสือ  ปากกา  เป็นต้น
๒.  วิสามานยนาม  หรือเรียกว่า  คำนามเฉพาะ  คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อเฉาะของคน  สัตว์ หรือสถานที่  เป็นคำเรียนเจาะจงลงไปว่า เป็นใครหรือเป็นอะไร  เช่น  พระพุทธชินราช  เด็กชายวิทวัส  จังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง  ส้มโอท่าข่อย  พระอภัยมณี  วันจันทร์  เดือนมกราคม เป็นต้น
๓.  สมุหนาม  คือ คำนามที่ทำหน้าที่แสดงหมวดหมู่ของคำนามทั่วไป  และคำนามเฉพาะ  เช่น  ฝูงผึ้ง กอไผ่  คณะนักทัศนาจร  บริษัท  พวกกรรมกร  เป็นต้น
๔. ลักษณะนาม  คือ  เป็นคำนามที่บอกลักษณะของคำนาม  เพื่อแสดงรูปลักษณะ  ขนาด ปริมาณ  ของคำนามนั้นนั้นให้ชัดเจน  เช่น  บ้าน  ๑  หลัง  โต๊ะ  ๕  ตัว  คำว่า หลัง  และ  ตัว  เป็นลักษณะนาม
๕.  อาการนาม  คือ คำนามที่เป็นชื่อกริยาอาการ  เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม  ไม่มีรูปร่าง  มักมีคำว่า  “การ”  และ  “ความ”  นำหน้า  เช่น  การกิน  การเดิน  การพูด  การอ่าน  การเขียน ความรัก  ความดี  ความคิด  ความฝัน  เป็นต้น
หน้าที่ของคำนาม  มีดังนี้คือ
๑.  ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น
– ประกอบชอบอ่านหนังสือ                   –  ตำรวจจับผู้ร้าย
๒. ทำหน้าที่เป็นกรรมหรือผู้ถูกกระทำ  เช่น
–  วารีอ่านจดหมาย                               –  พ่อตีสุนัข
๓.  ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้นามที่ถูกขยายชัดเจนขึ้น  เช่น
–  สมศรีเป็นข้าราชการครู                     –  นายสมศักดิ์ทนายความฟ้องนายปัญญาพ่อค้า
๔.ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเต็ม เช่น
–  ศรรามเป็นทหาร                               –  เขาเป็นตำรวจแต่น้องสาวเป็นพยาบาล
๕. ใช้ตามหลังคำบุพบทเพื่อทำหน้าที่บอกสถานที่ หรือขยายกริยาให้มีเนื้อความบอกสถานที่ชัดเจนขี้น  เช่น
–  คุณแม่ของเด็กหญิงสายฝนเป็นครู      –  นักเรียนไปโรงเรียน
๖. ใช้บอกเวลาโดยขยายคำกริยาหรือคำนามอื่น เช่น
–  คุณพ่อจะไปเชียงใหม่วันเสาร์             –  เขาชอบมาตอนกลางวัน
๗.  ใช้เป็นคำเรียกขานได้ เช่น
–  น้ำฝน ช่วยหยิบปากกาให้ครูทีซิ         –  ตำรวจ ช่วยฉันด้วย

No comments:

Post a Comment